ช่วงปีใหม่ 2558 ผมเดินทางท่องเที่ยวจากกรุงเทพเที่ยว 8 วัน 8 คืน โดยตอนนี้เราจะพาไปแนะนำที่เที่ยวอำเภอเชียงแสน อำเภอน่าเที่ยวในจังหวัดเชียงรายที่มีที่เที่ยวดีๆน่าสนใจอยู่หลายที่ หนึ่งในนั้นคือ พิพิธภัณฑ์หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ทั้งสวยงามและทันสมัยมากๆ นอกจากนี้จะพาไปเที่ยววัดเก่าแก่ และร้านเด็ดแสนอร่อยในราคาถูกเหลือเชื่อกันด้วย ตามไปชมรีวิวกันครับ
ความเดิมตอนที่แล้ว
ทริปมุ่งเหนือ 8 วัน : ตอนที่ 1 เที่ยววัดท่าซุง อุทัยธานี นอนหลักร้อยนครสวรรค์ แวะอิ่มพิษณุโลก และอุตรดิตถ์
เที่ยวลำปางแบบครอบครัว : นั่งรถม้าชมวัดสวย ไหว้พระธาตุ กินของอร่อย เที่ยวศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
เที่ยวแม่สาย ดอยตุง ข้ามแดนพม่า ตลาดท่าขี้เหล็ก กินร้านอร่อยทั่วแม่สาย
เที่ยวดอยแม่สลอง : พาครอบครัวชมทะเลหมอก เที่ยวพระธาตุ ไร่ชา 101 สุสานนายพลต้วน ซี เหวิน
พิพิธภัณฑ์หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ Opium museum
พิพิธภัณฑ์หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่นเมื่อสมัยที่ยังมีการใช้ยาเสพติดตัวนี้กันอย่างถูกกฎหมาย และผลกระทบของการเสพติดฝิ่น แถมยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องในหัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆและยาเสพติดในชนิดอื่นๆ และยังเป็นเสมือนประตูเปิดสู่โลกอันลึกลับของพืชชนิดนี้ จากความมืดมนน่าหวาดกลัว สู่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
บนพื้นที่กว่า 250 ไร่ แสดงลำดับเรื่องราวของฝิ่น โดยเริ่มจากธรรมชาติวิทยาของฝิ่น การสืบประวัติการใช้ฝิ่นในยุคโบราณกลับไป 5,000 ปี ประวัติการแพร่กระจายของฝิ่นจากการค้าสมัยจักรวรรดินิยม เหตุการณ์พลิกประวัติศาสตร์ที่สร้างความอดสูแก่ผู้ชนะและผู้แพ้สงครามฝิ่นอันนำไปสู่การล่มสลายของราชวงค์แมนจู และความชาญฉลาดของประเทศสยามในการเผชิญกับมหาอำนาจตะวันตกและการควบคุมปัญหาฝิ่น เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบถึงผลกระทบอันเลวร้ายของยาเสพติดที่ทำให้ผู้เสพไม่สามารถต่อต้านอำนาจของมันได้ และเพื่อเป็นกรณีศึกษาที่จะนำเสนอทางเลือก และโอกาสที่จะต่อสู้กับความเย้ายวนจากสารเสพติดชนิดต่างๆ
อัตราค่าเข้าชม
คนไทย 200 บาท / ชาวต่างชาติ 300 บาท / ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท / เด็กอายุ 12 – 18 ปี 50 บาท / เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เปิด วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 8.30 – 16.00 น. (เวลา 16.00 น. เป็นเวลาขายบัตรรอบสุดท้าย) ระยะเวลาสำหรับการชมนิทรรศการโดยเฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง
เมื่อผ่านประตูเข้ามา จะเจอกับทางเดินยาวๆ ซึ่งด้านข้างผนังจะตกแต่งเป็นแนวหลอนๆนิดหน่อย
ในส่วนแรกจะแสดงความเป็นมาของการใช้ฝิ่นตั้งแต่ยุคแรกเลย
ฝิ่นแรกๆก็ใช้เป็นยาแก้ความเจ็บปวดครับ มีมาตั้งแต่ยุคกรีซ, อียิปต์ แม้กระทั่งยุโรปในยุคต่างๆก็มีฝิ่นอยู่ในประวัติศาสตร์ ใช้ไปใช้มา ใช้ไม่ถูกต้องจนเป็นโทษ และเป็นเรื่องการเมืองและยาเสพติดในที่สุด
เข้ามาอีกนิดมีการจำลองเป็นโถงเรือในยุคล่าอาณานิคม มีห้องแสดงว่าฝิ่นเดินทางมาถึงเอเชียและจีน
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศจีนอันยิ่งใหญ่จะถูกมอมเมาด้วยฝิ่น เสียทั้งเงินและสุขภาพของคนในชาติ คนวัยหนุ่มที่แข็งแรงกลับไม่ยอมทำงานต้องตกเป็นทาสกระบอกฝิ่น จนแพ้สงครามให้กับต่างชาติ สูญเสียดินแดนให้ต่างชาติ ถือเป็นประวัติศาสตร์อันน่าเจ็บช้ำ
การพาเด็กๆมาที่หอฝิ่น เราก็ได้มีโอกาสให้ความรู้และสอนเด็กๆให้รู้จักภัยร้ายของยาเสพติด ถูกใจพ่อแม่อย่างเราๆมากๆ
มองดูประวัติศาสตร์ฝิ่นของโลกมาเยอะแล้ว ทีนี้มาดูประวัติศาสตร์ของยาเสพติดชนิดนี้ในประเทศไทยกันบ้าง
มีจำลองให้ดูว่าเศรษฐีชาวจีนตอนที่เริ่มลองเสพฝิ่น ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย
แต่หลังจากตกเป็นทาสฝิ่นแล้ว ทรัพย์สินก็หมดสิ้นไป ร่างกายก็ผอมโซเหมือนผีเลย
ส่วนต่อมาเป็นส่วนแสดงเครื่องไม้เครื่องมือการผลิตฝิ่นในประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ยังมีสื่อ Multimedia อื่นๆอีกเยอะครับ
สื่อต่างๆเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจเรื่องฝิ่นมากยิ่งขึ้น
ส่วนต่อมาดูวิธีการซุกซ่อนยาเสพติดในวิถีต่างๆ
นรกของการเป็นทาสยาเสพติดมีผลทั้งทางกฎหมายและร่างกาย
ห้องนิทรรศการลองทบทวนและตั้งคำถามกับตัวเองหน่อยว่า ความรู้ทั้งหมดจากการชมนิทรรศการนั้นจะสร้างแรงจูงใจให้คุณกลายเป็นคนหนึ่งที่จะร่วมแก้ไขปัญหาและอยู่ให้ห่างไกลยาเสพติดหรือเปล่า ?
ปกติถือผมไม่ค่อยชอบเดินพิพิธภัณฑ์นะครับ แต่ที่นี่ขอแนะนำเลยครับ ทั้งให้ประโยชน์ให้ความรู้ น่าพาครอบครัวมาเดินเล่นจริงๆ
สามเหลี่ยมทองคำ (Golden triangle) หมายถึงพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย, แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว และจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า
จากจุดนี้นักท่องเที่ยวจะมองเห็นฝั่งพม่าและลาวได้ถนัดชัดเจน สามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่ กล่าวขวัญกันในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่โตมาก เรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่ปัจจุบัน ไม่มีไร่ฝิ่นที่ว่านี้อีกแล้ว คงเหลือแต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศเท่านั้น เป็นจุดที่แม่น้ำรวกซึ่งกั้นพรมแดนไทยและพม่า มาบรรจบกันแม่น้ำโขงที่กั้นไทยกับลาว จุดนี้นักท่องเที่ยวจะ เห็นฝั่งพม่าและลาวได้ถนัด ชัดเจน สามเหลี่ยมทองคำเป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะครั้งหนึ่งเคย เป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่โตมากเรียกว่า ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้
แต่ปัจจุบันไม่มีไร่ฝิ่นที่ว่านี้อยู่แล้ว คงเหลือแต่ทิวทัศน์ที่ เงียบสงบของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศเท่านั้น แต่ผู้คนก็ยังคงพากันเดินทางมาสัมผัสกับตำนาน สามเหลี่ยมทองคำโดยมีที่มาขอชื่อ ว่าหลังจากที่พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และลาวถูกฝรั่งเศสยึดครอง ก็เกิดการค้าขายสินค้าด้วยระบบและเปลี่ยนกันขึ้นโดย ทางฝั่งพม่านั้นจะมีผ้าแพร สินค้าจากจีน กระทะทองเหลือ และฝิ่นเป็นสินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกับผ้าไหม ทองคำแผ่น และทองคำแท่งของพ่อค้าฝั่งลาว ซึ่งพ่อค้าลาวจำเป็น ต้องล่องเรือตามลำน้ำโขงมาขึ้นที่บ้านป่าสัก เขตเมืองพงของ พม่าซึ่งตั้งอยู่เหนือบ้านสบรวกของไทย ปีหนึ่ง ๆ มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันประมาณ 4-5 ครั้ง ทำให้บ้านป่าสักกลาย เป็นบริเวณขายที่เฟื่องฟูมากของสมัยนั้น และเพราะการและเปลี่ยนด้วยทองคำนี้เองจึงทำให้ชาวบ้านเรียกขานบริเวณนี้ กันจนติดปากว่า “สามเหลี่ยมทองคำ”
เที่ยวในอำเภอเชียงแสนกันต่อ ดินแดนแถบนี้ในสมัยก่อนนี่เป็นเมืองที่มีความสำคัญและความเจริญเป็นอันดับต้นๆของอาณาจักรล้านนาเลยทีเดียว
เดินชมเจดีย์วัดป่าสักกัน
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง
ตอนที่ผมไปมีการซ่อมแซมตัวพระวิหารกันอยู่ครับ
ทริปนี้มากับน้องสาวที่ทำงานที่เชียงราย เจ้าถิ่นพามาทานร้านนี้ครับ บ้านไม้ในสวน อาหารอร่อยแถมไม่แพงครับ ทานกัน 7-8 คน สั่งมาเพียบ จ่ายตังแค่พันต้นๆ แหม… ปลื้มจนอยากแนะนำครับ
บรรยากาศภายในร้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น
ร้านนี้จะเป็นอาหารสไตล์ไทยๆและอาหารพื้นเมือง ส่วนตัวผมชิมอาหารพื้นเมืองเหนือไปหลายมื้อแล้ว มื้อนี้เลยขออาหารไทยธรรมดารสชาติดีบ้าง ซึ่งบอกเลยว่าเรื่องรสชาติ ร้านบ้านไม้ในสวน ไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย
เริ่มกันที่ยำถั่วพู รสชาติเผ็ดกำลังดี มีรสชาติออกหวานตามสไตล์ปกติของเมนูนี้
หมูทอดกระเทียมพริกไทย ใช้เนื้อสันนุ่มๆหมักได้ถึงเครื่อง เมนูนี้สั่งเบิ้ลสองจานเลย เพราะเด็กๆติดใจกันมาก
ลาบปลาทอด ขอบอกเลยว่าอร่อยสุดๆ เพราะเนื้อปลาทอดมากรอบๆ แถมหอมข้าวคั่วสุดๆเลย
ห่อหมกรวมมิตรมะพร้าวอ่อน เมนูนี้บอกเลยว่ารสชาติอาจไม่ถึงใจนัก แต่ก็กลมกล่อมดี เพราะได้ความหอมหวานของเนื้อมะพร้าวอ่อน ถือว่าผ่านครับ
จริงๆยังมีอีกหลายเมนู แต่ขอยกเมนูเด่นๆไว้ที่เมนูสุดท้ายนี้ แกงส้มชะอมไข่กุ้ง ทั้งหมดนี้อาจดูจะเป็นเมนูธรรมดาๆ แต่ถ้าเทียบรสชาติที่อร่อยมากๆและราคาที่สุดแสนจะน่ารักแล้ว ขอยกให้ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ควรค่ากับการไปชิมเลยจ้า
ส่วนตัวตอนที่เดินทางไปเที่ยวเชียงแสนและหอผิ่น ไม่ค่อยมีใครประชาสัมพันธ์ที่เที่ยวให้ทราบเลย ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ที่เที่ยวดีๆไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ยังไงใครอ่านถึงตรงนี้ก็ช่วยแชร์รีวิวนี้ออกไป จะได้มีคนรู้จักที่เที่ยวเมืองเชียงแสนให้มากขึ้นกว่านี้
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป