2Madames.com

Leave a Comment

ขึ้นชื่อว่าเรื่องเล่น ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบจริงปะครับ เด็กๆทุกคนชอบการเล่น ตั้งแต่เกิดมา การเล่นคือความชอบที่ธรรมชาติมอบมาให้กับพวกเราทุกคน เพราะธรรมชาติต้องการให้เด็กๆเกิดการเรียนรู้ โดยมีความสนุกเป็นสิ่งตอบแทน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กในช่วงปฐมวัย แรกเกิดถึง 6 ขวบ มีผลวิจัยจากสถาบันต่างๆพิสูจน์แล้วว่า สมองของเด็กๆจะทำงานสูงสุดในขณะที่ ‘เล่น’ ด้วย

การเล่นถึงเป็นสิ่งสำคัญกับเด็กๆ ไม่ต่างจากการทานอาหารหรือเรื่องอื่นๆเลย เพราะเปรียบเสมือนการพัฒนาทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และจินตนาการของเด็กๆ

การเล่นจึงไม่ใช่แค่วิธีเรียนรู้ดีที่สุด แต่เป็นเครื่องมือปรับตัวของเด็กด้านอารมณ์ พฤติกรรม และบุคลิกภาพด้วย แต่ทว่าต้องเป็น ‘การเล่นอย่างอิสระ’ (Free Play) ที่มีคุณสมบัติเด่น 7 ประการ ดังนี้

1. เล่นอย่างมีเป้าหมายที่จะเล่น ไม่ได้ตั้งใจเล่นเพื่อพ่อแม่ชื่นชมหรือได้ขนม
2. เล่นด้วยความเต็มใจไม่ใช่เพราะหน้าที่หรือถูกบังคับ
3. เล่นเพราะสนุก รู้สึกดี ตื่นเต้น คลายเหงา
4. เล่นแล้วไม่คำนึงถึงเวลา
5. เล่นแล้วไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์จะดีหรือแย่ โลกจินตนาการเด็กปราศจากตัวตน เป็นโน่นนี่ง่ายดาย
6. เกิดขึ้นทันที เด็กปรับเปลี่ยนลื่นไหลตามความคิดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้
7. ต้องการเล่นต่อเนื่อง หากเบื่อหรือมีอุปสรรคก็ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์เงื่อนไขเองเพื่อให้ได้เล่นต่อเนื่อง

ของเล่นจินตนาการปลายเปิดที่เหมาะสมกับวัย เช่น ไม้บล็อก ตัวต่อ หรือชุดของเล่นต่างๆ แม้เล่นลำพังได้ แต่เด็กก็ต้องการให้พ่อแม่เล่นด้วย ยิ่งอายุน้อยยิ่งต้องการ ทั้งควรเล่นตามเด็ก ไม่เช่นนั้นกฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นจะทำให้เด็กกลายเป็นผู้ดูพ่อแม่เล่นไปแทนหรือไม่ก็เอ่ยถามวิธีเล่นตลอด จึงควรให้ลูกเป็นผู้นำการเล่น อย่าสอน ตัดสิน หรือแก้ไข แต่ติดตามเรื่องราวในจินตนาการเพื่อพัฒนาความสามารถในการรู้จักคิดของลูก

นอกจากนั้นพ่อแม่ควรพากย์มากกว่าถาม เพราะการพากย์การเล่นของลูกจะไม่ขัดขวางกระแสความคิดของเด็ก รวมถึงชื่นชมทักษะความสร้างสรรค์ของลูกด้วยภาษาง่ายๆ เพื่อเด็กจะรู้สึกดีที่พ่อแม่สนใจ ไม่เท่านั้นระหว่างเล่นต้องกระตุ้นให้เด็กคิดคลี่คลายอุปสรรคปัญหาเองด้วย ช่วยบางส่วน ไม่ทั้งหมด ตลอดจนหลีกเลี่ยงการแข่งขัน เกมหรือกีฬาควรปรับเป้าหมายการเล่นมาอยู่ที่การได้สนุกสนานด้วยกัน

การเล่นอิสระต้องปรับเปลี่ยนได้ตลอด เพื่อสนับสนุนให้เด็กมีความยืดหยุ่นและปรับอารมณ์ได้ดี เด็กที่มีโอกาสเล่นมากทั้งกับคนอื่นและตามลำพังจึงมีอารมณ์และประสบการณ์ เมื่อเกิดเหตุรุนแรงกระทบชีวิตจึงไม่ตอบสนองรุนแรงเกินไป ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการความเครียดได้ดี ด้วยขณะที่เล่นสนุกมักเกิดปัญหา เด็กจึงมีโอกาสฝึกฝนคลี่คลายปัญหากระทั่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้มั่นใจไม่เครียด

จินตนาการสร้างสรรค์ของเด็กมักเกิดท่ามกลางสถานการณ์ใหม่ที่ไม่ถูกคุกคามหรือจริงจังจนเกินไป ในเวลาเดียวกันความสนุกขณะเล่นก็กระตุ้นให้เด็กเล่นต่อหรือต้องการออกสำรวจโลกใหม่ได้มากเท่าๆ กับถักทอสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น (Strong Attachment) ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่และเด็กกับเด็กที่เล่นด้วยกันได้

ดังนั้นการเล่นอิสระ (Free Play) จึงเป็นอิฐก้อนแรกของพัฒนาการทางความฉลาด ความผูกพัน และความสำเร็จในชีวิตที่ต้องช่วยกันวางอย่างเหมาะสม

ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) www.thainhf.org

หลังจากการเล่นควรสอนให้เด็กๆเก็บของเล่นด้วย อย่างครอบครัวผมจะบอกเด็กๆไว้เลยว่า ถ้าของเล่นชิ้นไหนไม่เก็บถือว่าหนูไม่อยากได้แล้ว ปะป๊ามะม้าจะนำไปทิ้งขยะ การให้ลูกได้เก็บของเล่นถือว่าเป็นการปลูกฝังระเบียบวินัย เพิ่มความรักต่อสิ่งของนั้นๆด้วย

ข้อระมัดระวังของการเล่นอย่างอิสระ Free Play คือปัญหาการทะเลาะกันครับ เนื่องจากการเล่นของเด็กวัยนี้มักจะมีความไม่ยุติธรรมเท่าเทียมสักส่วนใหญ่ พี่น้องอาจจะมีการทะเลาะกัน หากไม่รุนแรงมากก็ปล่อยผ่านไปให้เด็กๆรู้จักสมดุลในการเล่นอย่างเหมาะสม แต่หลายครั้งก็ต้องระวังไม่ให้เกินเลยไป

ข้อระมัดระวังอีกอย่างคือ การที่เด็กๆได้รับอิสระในการเล่น มักจะเกิดบาดแผลครับ โดยเฉพาะกิจกรรมการเล่นที่ต้องวิ่ง ปีนป่าย โลดโผน

วันนี้เลยขอแนะนำวิธีดูแลรักษาบาดแผล มาฝากกันด้วยเลยนะครับ

การดูแลบาดแผลจากการเล่น

การเล่นซนของเด็กๆ มักทำให้เกิดรอยแผลจากอุบัติเหตุต่าง และหากไม่รักษาให้ทันท่วงที ปล่อยทิ้งไว้นานไปจนกลายเป็นแผลเป็นอาจจะทำให้เด็กเกิดความไม่มั่นใจ กลายเป็นปมด้วยถูกเพื่อนล้อ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรรีบหาวิธีรักษาที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพมารักษาแผล ดูแลผิวลูกให้เรียบเนียน
แผลข่วน แผลถลอก หรือแผลแยกของผิวหนังที่ไม่ลึก จะมีเลือดออกเล็กน้อยและหยุดเองได้ แผลพวกนี้ไม่ค่อยมีอันตราย ให้ทําความสะอาดบาดแผล โดยใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน ไม่จําเป็นต้องปิดแผล แผลจะหายเอง

แผลฉีกขาด เป็นแผลที่เกิดจากแรงกระแทก หากเป็นวัสดุที่ไม่มีคม แผลมักฉีกขาดขอบกระรุ่งกระริ่ง แผลชนิดนี้เนื้อเยื่อถูกทำลาย และมีโอกาสติดเชื้อมาก ควรทำความสะอาดบาดแผลให้สะอาด ถ้าบาดแผลลึกมากควรนําส่งโรงพยาบาล เพราะผู้ป่วยอาจได้รับอันตรายจากการติดเชื้อโรคได้

การทำความสะอาดบาดแผล

ล้างมือให้สะอาดก่อนทำแผล ล้างบาดแผลดวยน้ำสะอาด ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้สําลีสะอาดชุบน้ำยาแอลกอฮอล์ เช็ดรอบ ๆ แผล โดยเช็ดจากข้างในวนมาข้างนอกทางเดียว “ไม่ต้องเช็ดลงบนแผล” นะครับ

บนแผลให้ใส่ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน ลงบนแผล เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ หรือผ้ากอซ ไม่ควรใช้สําลีปิดแผล เพราะเมื่อแผลแห้งแล้วจะติดกับสำลี ทําให้ดึงออกยาก เกิดความเจ็บปวด และอาจทำให้เลือดไหลได้อีก

ทําความสะอาดแผลเป็นประจำทุกวัน หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลสกปรก หรือเปียกน้ำ เพราะอาจทําให้แผลเกิดการอักเสบ เป็นหนอง หรือหายช้า

เมื่อแผลหายสนิทดีแล้ว อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจนะครับ ต้องดูแลต่อจะได้ไม่มีแผลเป็นต่อ หรือต้องดูแลให้แผลเป็นน้อยที่สุด จะได้ไม่ทิ้งร่องรอยให้เจ็บหัวใจด้วย

แผลเป็นเกิดจากอะไร?

เมื่อเกิดบาดแผลบนตัว เนื้อเยื่อส่วนนั้นจะถูกทำลาย ร่างกายของเด็กจะสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ เพื่อซ่อมแซมบาดแผล หรือทดแทนเนื้อเยื่อเดิมที่หายไป โดยผลิตคอลลาเจน (Collagen) ขึ้นมาเติมแผลส่วนนั้นให้เต็ม ซึ่งสภาวะร่างกายของเด็กแต่ละคน จะเป็นตัวบ่วงชี้ว่าแผลจะเป็นลักษณะไหน หากร่างกายเด็กสร้างคอลลาเจนมากเกินไป ก็จะกลายเป็นแผลเป็นนูน ซึ่งอาจขยายลุกลามจนกลายเป็นแผลคีลอยด์ แต่ถ้าหากสร้างน้อยเกินไป แผลนั้นอาจจะกลายเป็นแผลเป็นหลุม

การรักษาแผลเป็นทำได้อย่างไร?

การรักษาแผลเป็นมีหลายวิธี ทั้งฉายรังสี ผ่าตัด ฉีดยาประเภทคอร์ติโคสเตียรอยด์ ใช้เจลซิลิโคน ฯลฯ แต่วิธีที่รักษาง่าย สะดวก ปลอดภัย และประหยัดที่สุดคือ การทาเจลที่มีสารที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วว่าอ่อนโยน ปลอดภัย ไม่แพ้ และสามารถดูแลแผลเป็นให้จางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น โดยเข้าไปดูแลการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ของร่างกายลูกให้ซ่อมแซมเป็นปกติ มีการไหลเวียนของเส้นเลือดใต้ผิวหนังให้ดีขึ้น พร้อมบำรุงผิวส่วนที่เป็นแผลให้กลับมานุ่มใสได้ดังเดิม

ภรรยาผมเลือกใช้เจลของ Hiruscar Kids ครับ เพราะเราศึกษามาแล้วว่าส่วนประกอบต่างๆที่สำคัญของเจลนั้น ประกอบด้วย 5 อย่าง ที่เหมือนกับโมเลกุลฮีโร่ทรงพลังในประสานพลังลดเลือนแผลเป็น กระบวนการรักษาแผลธรรมชาติ เมื่อผสานด้วยพลังจาก 5 ฮีโร่โมเลกุล เกิดเป็นการทำงานร่วมกันอย่างทรงพลังให้ร่างกายเด็กสร้างเนื้อเยื่อใหม่ สมานแผล ดูแลผิวของตนอย่างมีประสิทธิภาพ

1. โมเลกุล MPS (มิวโคโพลีแซคคาไรด์ โพลีซัลเฟต) เสริมสร้างกระบวนการสมานแผล เพิ่มการดูดซึมน้ำที่บริเวณแผล เพื่อให้แผลเป็นที่แข็งนุ่มลง กระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวหนัง เพื่อให้ออกซิเจนและสารอาหารเข้าฟื้นฟูผิวอย่างเต็มที่
2. อลันโทอิน (allantoin) ช่วยให้ผิวของลูกสร้างเซลล์ใหม่ได้ดีขึ้น พร้อมขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างธรรมชาติ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
3. สารสกัดจากข้าวโอ๊ต (Oat Meal Extract) ให้ความอ่อนโยน ป้องกันการระคายเคือง ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ดูแลรอยแดงและรอยดำ
4. อัลเลี่ยม ซีปา (Allium Cepa) ยังยั้งการสร้างเนื้อเยื่อส่วนเกิน และแผลคีลอยด์ คอยต้านแบคทีเรียและลดการอักเสบ
5. อะโลเวร่า (Aloe Vera) ตัวสมานแผลชั้นดีสำหรับแผลไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวกโดยเฉพาะ

Hiruscar Kids มีส่วนประกอบครบถ้วนแบบนี้จึงได้เป็น ฮีโร่ตัวจริงสำหรับเด็กๆละครับ

การรักษาแผลเป็นนี่รวมถึงการถูกแมลงกัดต่อยด้วยนะครับ ซึ่งการทายารักษาแผลเป็นย่อมดีกว่าทิ้งไว้เฉยๆนะครับ เป็นข้อที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เองควรเอาใส่ใจด้วยนะครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม หวังว่าบทความเรื่องการเล่น การเรียนรู้ การดูแลรักษาแผลจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า