วิธีเก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยว
การเดินทางท่องเที่ยวเป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มทั้งร่างกายและจิตใจ แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนติดขัดคือการจัดการเรื่อง “เงินเก็บ” ที่มักไม่เพียงพอ หากเราวางแผนเก็บเงินอย่างมีระบบ ความฝันในการออกเดินทางก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
อีกทั้งการศึกษาทางเลือกในการลงทุน เช่น กองทุน หุ้น หรือแม้แต่การลงทุนในคริปโตก็สามารถช่วยเพิ่มโอกาสให้เงินเก็บของคุณเติบโตเร็วขึ้นและไปถึงเป้าหมายการท่องเที่ยวได้ไวกว่าเดิม
บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการเก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยวอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้คุณมีแนวทางที่นำไปใช้ได้จริง

1. นำเงินไปลงทุนเพื่อนำกำไรไปท่องเที่ยว
การลงทุนจึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้เงินเติบโตและทำให้คุณมีงบประมาณสำหรับการท่องเที่ยวเร็วขึ้น แต่ควรเลือกลงทุนอย่างเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ ทางเลือกการลงทุนมีหลากหลาย เช่น
- คริปโตเคอร์เรนซี เป็นการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็มาพร้อมความผันผวนสูงมาก การเลือกเหรียญน่าลงทุนที่มีพื้นฐานดีและได้รับการยอมรับจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและวางแผนทางการเงินได้มั่นคงยิ่งขึ้น และวิธีการลงทุนคริปโตมีหลายแบบ เช่น การเก็งกำไร การ Stake และ Yeild Farming
- กองทุนรวม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดด้วยตนเอง เพราะมีผู้จัดการกองทุนดูแล กระจายการลงทุนทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ต่างประเทศ
- หุ้นหรือ ETF ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะกลางถึงยาว เหมาะกับผู้ที่สามารถรับความผันผวนได้ และควรเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งหรือ ETF ที่กระจายการลงทุนในหลายบริษัท
- ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่นิยมใช้เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงในช่วงเงินเฟ้อ และมักรักษามูลค่าได้ดีในระยะยาว
- พันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้เอกชน ให้ผลตอบแทนคงที่และมีความเสี่ยงต่ำกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการความมั่นคงและเก็บเงินในระยะสั้นถึงกลาง
- อสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs ให้ผลตอบแทนจากค่าเช่าหรือเงินปันผล และยังมีโอกาสที่มูลค่าทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นตามเวลา
- สินทรัพย์ทางเลือก เช่น ศิลปะ ของสะสม หรือแม้แต่กองทุนที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนที่แตกต่างและช่วยกระจายความเสี่ยงเพิ่มเติม
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ แม้ผลตอบแทนจะไม่สูงแต่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินและยังมีความคุ้มครองควบคู่ไปด้วย
การเลือกลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัวและการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก บริษัทในกลุ่มโรงแรมหรือสายการบินก็มักได้รับผลดีตามไปด้วย
2. วางแผนงบประมาณสำหรับการท่องเที่ยว
ควรกำหนดเป้าหมายของทริปให้ชัดเจน เช่น จุดหมายปลายทาง ระยะเวลา และสไตล์การท่องเที่ยวว่าจะเป็นแบบประหยัด กลาง ๆ หรือเต็มที่ จากนั้นจึงประเมินค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทางภายในประเทศ ค่ากิจกรรม รวมถึงเงินสำรองเผื่อเหตุฉุกเฉินราว 10-20%
เมื่อได้ตัวเลขงบประมาณโดยรวมแล้ว ให้นำมาคำนวณย้อนกลับว่า หากต้องการเก็บเงินให้ครบภายในกำหนดเวลาที่วางไว้ คุณจะต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไร การมีเป้าหมายที่เป็นตัวเลขชัดเจนจะช่วยให้คุณโฟกัสกับการออมได้จริง และลดโอกาสที่เงินจะรั่วไหลไปกับรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
3. แบ่งเงินส่วนหนึ่งจากรายได้สำหรับการท่องเที่ยว
หลังจากได้รับเงินเดือนหรือรายได้ควรหักส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็น “เงินท่องเที่ยว” ทันทีก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายอื่น วิธีนี้ช่วยให้คุณมีเงินกองกลางสำหรับการเดินทางโดยไม่ต้องกังวลว่าเงินจะหมดไปก่อน ควรเริ่มออมด้วยสัดส่วนเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นตามกำลัง เพื่อไม่ให้รู้สึกกดดันเกินไป
ตัวอย่างเช่น อาจกำหนดเก็บ 10% ของรายได้ในแต่ละเดือน แล้วโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์แยกไว้โดยเฉพาะเพื่อไม่ให้ปะปนกับค่าใช้จ่ายประจำ หากมีรายได้พิเศษอย่างโบนัสหรือเงินเดือนออกพิเศษ ก็ควรโอนเข้าบัญชีนี้เช่นกันเพื่อเร่งให้ถึงเป้าหมายเร็วขึ้น
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป



